วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

สิทธิการตาย

วิเคราะห์เกี่ยวกับการนำหลักกฎหมายมาใช้กับเรื่อง "happy birthday"

..................เรื่องราว ของเภาและเตน ในวันคล้ายวันเกิดของเตน สิ่งที่เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดของเตน ก็คือเภา วันนั้นเภาได้โทรมาหาเตน และกล่าวประโยคคำสำคัญ ณ สี่แยกไฟแดง ฝั่งตรงข้ามกับร้านอาหาร ที่เตนและเภาได้นัดกัน เสียงโทรศัพท์ เตนดังขึ้น เภาคุยหยอกล้อกับเตน เภาบอกเตนว่าได้ไปซื้อของขวัญ มาให้เตน เตนได้บอกกับไปว่า แค่เภามาก็ถือเป็นของขวัญของเตนแล้ว เภาจึงขอคำมั่นสัญญา จากเตนว่า
"สัญญานะจะดูแลของขวัญชิ้นนี้ไปตลอดชีวิต" ใครจะรู้ว่านี้คือความรู้สึกที่สำคัญมากสำหรับผู้ชายคนหนึ่ง


....................เภาเกิดอุบัติเหตุหลังจากวางโทรศัพท์ ทำให้แพทย์ที่รักษาได้ชี้แจงกับพ่อแม่ของเภาว่า เภามีกระดูกหลายที่ที่หักและก้านสมองตาย อยู่ที่ผู้ปกครองจะตัดสินใจว่าจะรักษาต่อหรือถอดสายออกซิเจน


....................ในทางการแพทย์ คนไข้ที่ก้านสมองตายเราถือว่าได้เป็นบุคคลที่สูญเสียชีวิตไปแล้ว แต่เตนไม่ยอม จึงพูดคุย กับพ่อแม่เภาว่า ของเปลี่ยนให้เค้าเป็นเจ้าของไข้แทน เตนดูแลเภาทุกอย่างตามที่ได้สัญญากับเภาไว้

.....................เวลาผ่านไป พ่อกับแม่เภาเห็นว่าไม่อยากให้เภาอยู่ในสภาพเจ้าหญิงนิทรา จึงมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น ทนายถามว่าผู้ร้องได้ดึงคนไข้ไว้เนื่องจากสาเหตุใด เตนตอบว่าเพราะ "ผมรักเธอ" ถึงวันตัดสิน ศาลได้ตัดสินว่าให้อยู่ในการดูแลของบิดามารดา เช่นเดิม ปัญหาการตายทางการแพทย์ที่เรียกว่า “ก้านสมองตาย” นี้ได้เกิดขึ้นมาช้านานแล้ว

....................ซึ่งปัจจุบันนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันระหว่างวิชาการทางแพทย์และทางกฎหมาย โดยทางการแพทย์ตามหลักวิชาการยืนยันว่าผู้ที่ก้านสมองตายนั้นถือว่าเป็นการตายแล้วและ แพทย์สามารถยุติการรักษาชีวิต

.....................จากเรื่องราวทั้งหมด คุณคิดว่า เตน ซึ่งเป็นแค่ "แฟน" จะสามารถขอดูแลเตน ที่เป็นคนรัก ซึ่งแพทย์เห็นว่าเป็นบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้วได้หรือไม่

......................กล่าวถึงหลักกฏหมายของไทยว่าด้วยการเสียชีวิต พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยสิทธิการตาย มาตรา 24 ระบุไว้ว่า“บุคคล มีสิทธิแสดงความจำนงเกี่ยวกับวิธีการรักษาพยาบาลหรือปฏิเสธการรักษาที่เป็นไปเพื่อการยืดชีวิตในวาระสุดท้าย ในชีวิตของตนเอง เพื่อการตายอย่างสงบและมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์” โดยมีคำชี้แจงว่าเพื่อให้บุคคลมีสิทธิเลือกตายอย่างสงบ

.....................ตามความเห็นของข้าพเจ้า เมื่อดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว รู้สึกเห็นใจเตนที่มั่นคงในความรักของตนเอง ทั้งๆที่ เภาไม่สามารถโต้ตอบอะไรตนได้ คงจะรู้สึกเหมือนกับพ่อกับแม่ของเภาที่ไม่ตัดสินใจที่จะดึงสายออกซิเจนออก

นายณัฐพจน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
เลขที่10 รปศ.502

1 ความคิดเห็น: